Latest Movie :
Recent Movies




ทำยังไง เมื่อลูกร้องไห้

ทำยังไง เมื่อลูกร้องไห้

เด็กแรกเกิดไม่รู้ภาษาไว้ใช้สื่อสารความต้องการของตัวเอง ดังนั้นถ้าเจ้าตัวน้อยต้องการอะไรบางอย่างหรือแค่อยากให้คุณสนใจ เขาก็จะร้องไห้ แต่เมื่อผ่านไปสักพัก คุณก็จะเริ่มเรียนรู้เองว่าเมื่อไหร่ลูกหิว เหนื่อย หรือแค่อยากให้กอดซึ่งจะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นอีกเยอะ

คุณพ่อคุณแม่บางคนกังวลว่าถ้ารีบเข้าไปโอ๋ลูกทุกครั้งที่ลูกร้อง จะทำให้เด็กเสียนิสัย แต่ผลงานวิจัยกลับชี้ว่า เด็กที่ได้รับการตอบสนองจากพ่อแม่อย่างรวดเร็วจะร้องไห้น้อยกว่า

การเข้าไปโอ๋ลูกน้อยอย่างรวดเร็วจะทำให้เด็กรู้ว่าคุณอยู่ใกล้ ๆ และทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย

สาเหตุที่เด็กร้องไห้

– หิว

– หนาวหรือร้อนเกินไป

– ปวดท้อง ท้องอืด มีอาการโคลิค

– ต้องการเปลี่ยนผ้าอ้อม

– เจ็บปวด

– เบื่อ

– ตื่นเต้นเกินไป

– ต้องการให้กอด

สาเหตุเหล่านี้มักแก้ไขได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว และเมื่อแก้ปัญหาแล้ว ลูกน้อยของคุณควรสงบลง แต่ถ้าลูกยังร้องไม่หยุดหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ลองโทรปรึกษาคุณหมอ

โคลิค

ถ้าลูกของคุณอายุต่ำกว่า 3 เดือนและร้องไห้เยอะมาก อาจมีสาเหตุมาจากอาการโคลิคซึ่งไม่มีวิธีรักษา แต่มีวิธีบรรเทาที่คุณอาจลองทำได้ เช่น

– กอด

– ให้ลูกดูดจุกนม

– ร้องเพลงหรือเปิดเพลงเบา ๆ กล่อม

– นวดเบา ๆ

– อาบน้ำให้ลูก

– อุ้มลูก

– พาออกไปเดินเล่น

เด็กโตร้องไห้

หากลูกของคุณอายุมากกว่า 3 เดือน นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาร้องไห้

– หมอน ตุ๊กตาหรือของประจำตัวหายไป

– ต้องการเพื่อน

– กระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง

– ฟันกำลังขึ้น

– ความเครียด

– ความกลัว

การกอดจะช่วยทำให้เด็กสงบลงได้เป็นอย่างดีถ้าสาเหตุไม่ได้เกิดจากอาการเจ็บป่วย ถ้าลูกยังร้องต่อเนื่อง ดูไม่สบายตัว หรือดูเครียด แนะนำให้ลองปรึกษาคุณหมอค่ะ

วิธีรับมือถ้าลูกร้องไห้หนัก

แม้บางครั้งดูเหมือนว่าลูกจะไม่มีวันหยุดร้องไห้ (โดยเฉพาะเมื่อเขากำลังมีอาการโคลิค) แต่เชื่อเถอะค่ะว่าเดี๋ยวเขาก็หยุด ถ้าคุณรู้สึกว่าปัญหานี้มันยากเกินจะรับไหว ขอเวลานอกให้ตัวเองสักครู่ หาเวลาไปจิบชาเงียบ ๆ สักพักก็ช่วยได้เยอะ แต่ถ้ารู้สึกว่าทนไม่ไหวจริง ๆ ลองปรึกษาคุณหมอดูค่ะ

เมื่อจู่ ๆ ลูกเป็น ไข้ผื่นกุหลาบ หรือ"ส่าไข้"จะ รับมืออย่างไร

   เคยได้ยินว่าลูกเพื่อนเป็นส่าไข้กันหลายคน แต่เราก็ไม่ได้สอบถามอะไร จู่ๆ เมื่อน้องโอม อายุได้ 7 เดือน กว่า พระเอกตัวน้อยของเราก็มีไข้สูงอยู่สามวัน กลัวว่าจะเป็นไข้เลือดออก จึงต้องวิ่งโร่พาลูกไปหาคุณหมอเพื่อรักษา ก็พบว่าไข้สูงถึง 39 องศาเซลเซียส คุณหมอสอบถามอาการแล้วก็ฟันธงว่าเป็น “ส่าไข้” ไม่ต้องกังวล ให้ดูแลรักษาดีๆ ตามอาการ รู้มาว่าเป็นโรคยอดฮิตของเด็กเล็กกันเลยทีเดียว

***ดช.ชวัลวิทย์ สุวรรณมณี มีไข้ตั้งแต่ วันพฤหัสบดีที่ 23 - วันเสาร์ ที่ 25 ต.ค.2557 มีไข้ 39 องศา
วันอาทิตย์ 26 ต.ค.2557 มีตุ่มขึ้น ที่หน้า คอ หลัง ขา และน่อง เป็นตุ่มสีแดง จุด จุด
ตอนแรกนึกว่าเป็น ไข้เลือดออก แต่วันอาทิตย์ ไข้ไม่มีแล้ว  **************




ค้นข้อมูลจาก google ขอบคุณข้อมูล จาก วิชาการ.คอม

โรคส่าไข้นี้มีสาเหตุ อาการและการรักษาอย่างไรฟังทางนี้ค่ะ


โรคส่าไข้
ส่าไข้ ถือเป็นไข้ออกผื่นชนิดหนึ่งที่พบในเด็กเล็กๆ วัย 6 เดือนถึง 3 ขวบ เมื่อสอบถามเพื่อนๆ ก็พบว่า ลูกของเพื่อนเป็นกันเกือบทุกคนเลยค่ะ แต่ไม่พบในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ น่าจะเพราะมีภูมิคุ้มกันดีกว่าเด็กเล็กๆ คุณหมอบอกว่า เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่มีอยู่ทั่วไปในอากาศ โรคนี้ติดต่อกันโดยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน เมื่อเป็นแล้ว มักจะไม่เป็นซ้ำอีก สบายใจได้ค่ะ (โรคนี้ฝรั่งเรียกว่า “reseolar infantum” แปลว่า “ไข้ผื่นกุหลาบในทารก”) โรคนี้ไม่อันตรายมาก แต่ให้ระวังหากมีไข้สูงจัดเพราะอาจทำให้ชักได้ค่ะ

ตอนพบคุณหมอ คุณหมอไม่ได้ให้ยาอะไรมาทานเลยค่ะ บอกว่าเดี๋ยวจะหายเองภายใน 3-5 วัน แต่ไข้ลดจะมีผื่นขึ้น อย่าตกใจ แต่ผื่นจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ คุณหมอให้แต่ยาลดไข้ และบอกให้หมั่นเช็ดตัวลูก อย่าให้ไข้สูง

อาการ
เด็กที่เป็นส่าไข้ จู่ๆ จะมีอาการตัวร้อนจัด โดยไม่มีอาการเป็นหวัด ไอ อาเจียนหรือท้องเดินให้เห็น อาจมีอาการซึมเล็กน้อย เบื่ออาหาร หรืองอแง ไข้อาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส และอาจเป็นไข้ (ตัวร้อน) อยู่ตลอดเวลาก็ได้ไข้จะเป็นอยู่นาน 1-5 วัน (โดยเฉลี่ยประมาณ 3 วัน) แล้วอยู่ดีๆ ไข้จะลดลงเป็นปกติ หลังจากไข้ลงเพียงไม่กี่ชั่วโมง จะปรากฏผื่นแดงเล็กๆ ขึ้นที่หน้า ลำคอ และลามไปทั้งตัว โดยอาการผื่นจะเป็นประมาณ 1-3 วันแล้วจะจางหายไปเองโดยไม่มีรอยดำหรือแผลเป็นใดๆ ค่ะ
ในช่วงที่มีไข้สูง ถ้าไปหาหมออาจตรวจแล้วไม่ทราบว่าเป็นอะไร จนกว่าจะรอให้ไข้ลดแล้วมีผื่นแดงขึ้นจึงจะบอกได้แน่ชัดว่าเป็นส่าไข้

อาการของเด็กแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เด็กบางคน เช่น ลูกของดิฉัน ไข้ลดในช่วงกลางวัน และช่วงกลางดึกและเช้ามืดไข้จะกลับมาสูง ขณะที่ลูกยังร่าเริง ไม่ซึม แต่เวลาจะนอนดูจะหงุดหงิด และงอแงช่วงกลางดึก เนื่องจากไข้ขึ้นจนน้องรู้สึกไม่สบายตัว และก่อนออกผื่นจะถ่ายเหลวหลายครั้ง พอออกผื่นขึ้นที่หน้าเยอะมาก ลายเป็นตุ๊กแกทีเดียว ก่อนจะลามไปทั่วตัว ขณะที่เด็กรายอื่น นอกจากมีไข้สูงแล้ว อาจจะมีน้ำมูกไหล เจ็บคอ รับประทานอาหารได้น้อยลง มีผื่นขึ้นที่หลังและลำตัวเล็กน้อย แต่ทั้งนี้หลักการสำคัญคือว่า เด็กต้องไม่ซึม ถ้าลูกยังเล่นได้ไม่ซึม คุณแม่สบายใจได้


คำแนะนำในการดูแลลูกเมื่อเป็นส่าไข้

1. ให้หมั่นคอยเช็ดตัวใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาด และเช็ดย้อนรอยขุมขน จะช่วยระบายความร้อนในร่างกายได้ดี
2. ระวังอย่าให้ไข้สูงเพราะเมื่อไข้ขึ้นสูงเด็กอาจจะชักได้
3. ให้ลูกจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย
4. กินยาลดไข้ที่คุณหมอจัดให้ ถ้าไข้สูงมากจะมียาสำหรับไข้สูงโดยเฉพาะ
5. ถ้าลูกน้อยงอแงคุณแม่อาจจะอุ้มเดินและตบหลังเบาๆ เพื่อปลอบโยนลูกน้อย
6. ถ้าออกผื่นแล้ว ไม่ต้องทาคาลาไมด์นะคะ คุณหมอบอกว่าผื่นไม่คัน และผื่นจะหายไปได้เอง

ข้อควรรู้

หากลูกมีไข้สูงจนเกิดอาการชัก คุณพ่อคุณแม่ควรจับนอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก ไม่ต้องหาช้อนหรืออะไรมางัดปากแบบผู้ใหญ่ เพราะอาจจะทำให้ฟันหักได้ รีบเช็ดตัวลดไข้แล้วพาไปพบคุณหมอด่วนที่สุดค่ะ
ความแตกต่างของโรคส่าไข้กับโรคไข้เลือดออกคือ ส่าไข้ เด็กจะมีอาการไข้สูงเพียงอย่างเดียว ขณะที่ไข้เลือดออกเด็กอาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย
หากลูกป่วยเป็นโรคส่าไข้ สิ่งสำคัญคือ ใจสู้ ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องอดทนตื่นกลางดึกมาเช็ดตัวบ่อยๆ อดทนกับอาการงอแงของลูก และต้องคอยดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ถ้าลูกป่วยล่ะก็ขอให้อย่าวิตกกังวลเกินไป เดี๋ยวป่วยไปด้วยจะลำบาก ให้คิดไว้นะคะว่า ป่วยได้…ก็หายได้
เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ

 
 
Support : | |
Copyright © 2014. บ้าน น้องโอห์ม - All Rights Reserved
Template Created by Published by
Proudly powered by Blogger